โอกาสก้อนโตสำหรับผู้ประกอบการ SMEs ที่เล็งเห็นช่องทางและศักยภาพในการตอบสนองต่อแนวโน้มดังกล่าวอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นโอกาสทางการตลาดที่เกิดจากนวัตกรรมทางเทคโนโลยีที่ทันสมัย หรือโอกาสจากการเปลี่ยนแปลงของโครงสร้างประชากรและ lifestyle ของผู้บริโภค เหล่านี้ถือเป็นสภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่ SMEs ต้องให้ความสำคัญและจะมีผลกระทบต่อ business model ในอนาคต แนวโน้มที่สำคัญอย่างแรกคือ โอกาสที่เกิดจากวิถีชีวิตและพฤติกรรมของผู้บริโภคที่ปรับเปลี่ยนไปตามยุคสมัย ไม่ว่าจะเป็นอิทธิพลของเครือข่ายสังคมออนไลน์ (social network) ที่กำลังได้รับความนิยมอย่างสูงในปัจจุบัน ปัจจุบันเราได้เห็นการใช้ประโยชน์จากนวัตกรรมด้านเทคโนโลยีต่างๆ โดยเฉพาะ social network ยอดฮิตอย่าง Facebook และ Twitter ในเชิงธุรกิจกันอย่างแพร่หลายมากขึ้น ทั้งในแง่ของการอัพเดทข้อมูลข่าวสาร การโฆษณาประชาสัมพันธ์สินค้าและบริการ รวมไปถึงการขยายฐานลูกค้าใหม่ๆ และเพิ่มยอดขาย
ธุรกิจขายเสื้อผ้าออนไลน์ผ่านทาง Facebook ที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็วในปัจจุบัน โดยพบว่าปัจจุบันมีจำนวนผู้ใช้บริการ Facebook ในไทยมากถึงกว่า 11 ล้านคน ซึ่งนับว่ามากเป็นอันดับที่ 16 ของโลก สะท้อนให้เห็นว่าผู้บริโภคชาวไทยจำนวนมากกำลังก้าวเข้าสู่ยุค “digital lifestyle” และโลกออนไลน์ได้กลายมาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันของคนส่วนใหญ่ไปแล้ว ทั้งนี้ แม้ว่าการทำธุรกิจบนโลกออนไลน์อาจจะยังไม่ใช่ตลาดหลักในปัจจุบันแต่ก็ไม่ใช่ตลาดที่จะสามารถมองข้ามได้อีกต่อไป โดยพบว่าหนึ่งในธุรกิจที่กำลังได้รับความสนใจจากผู้ประกอบการ SMEs จำนวนมากในไทยคือ ธุรกิจขายเสื้อผ้าออนไลน์ ซึ่งแม้ว่าปัจจุบันจะเริ่มมีการแข่งขันในธุรกิจประเภทนี้สูงมากขึ้นแล้วก็ตาม แต่เชื่อว่ายังคงมีช่องว่างให้เติบโตได้อีกมากในอนาคต โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับเสื้อผ้าแฟชั่นสตรีที่มีราคาไม่สูงมากนัก เพราะนอกจากช่องทางนี้จะช่วยให้สามารถเข้าถึงผู้บริโภคจำนวนมากโดยไม่จำกัดสถานที่และเวลาแล้ว ผู้ประกอบการยังไม่ต้องมีต้นทุนในการเปิดร้านหรือเช่าร้าน รวมทั้งต้นทุนในการสต็อกสินค้าเพื่อโชว์ที่หน้าร้านอีกด้วย ขณะที่งบโฆษณาผ่านสื่อออนไลน์ก็ยังนับว่าถูกกว่าการโฆษณาผ่านช่องทางปกติค่อนข้างมาก ตัวอย่างหนึ่งที่สะท้อนถึงความนิยมและความสำเร็จของช่องทางขายเสื้อผ้าออนไลน์ของผู้ประกอบการ SMEs คือ จำนวนกด “like” โดยพบว่า SMEs ไทยรายหนึ่งที่ขายเสื้อผ้าผ่านทาง Facebook มียอดกด like จาก fan page สูง ถึงกว่า 1 ล้าน like แล้ว เทียบกับเสื้อผ้าแบรนด์เนมชื่อดังอีกรายที่มียอดกด like เพียง 6 พันกว่ารายเท่านั้น!
หรือแม้แต่การใช้อินเตอร์เน็ตในการค้นหาและเลือกซื้อสินค้าแบรนด์เนมกันอย่างแพร่หลายมากขึ้นของผู้บริโภคชาวจีนรุ่นใหม่ ทั้งนี้ จากรายงานการวิจัยทางการตลาดที่สำรวจกลุ่มคนชั้นกลางที่มีอายุระหว่าง 20 – 45 ปี จำนวน 1,200 คน ระบุว่า กลุ่มสำรวจถึงร้อยละ 30 มีความถี่ในการค้นหาข้อมูลสินค้าแบรนด์เนมบนอินเตอร์เน็ตมากกว่า 1 ครั้ง ต่อสัปดาห์ โดยให้เหตุผลว่า การเลือกซื้อสินค้าผ่านอินเตอร์เน็ตนั้นมีราคาถูกกว่า มีความสะดวกในการเปรียบเทียบสินค้า รวมทั้งยังช่วยประหยัดเวลาเมื่อเปรียบเทียบกับการเลือกซื้อสินค้าทางช่องทางปกติอีกด้วย